Showing posts with label กล้ามเนื้อ. Show all posts
Showing posts with label กล้ามเนื้อ. Show all posts

Thursday, February 19, 2009

ปวดหลังเรื้อรัง..ไม่ใช่แค่เหตุบังเอิญ

โครงสร้างของกระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลังคือกระดูกส่วนที่อยู่ถัดจากกะโหลกศรีษะลงไป โดยเริ่มตั้งแต่กระดูกท้ายทอยไปจนถึงกระดูกก้นกบ ซึ่งประกอบไปด้วยกระดูกกว่า 30 ชิ้น วางเรียงซ้อนๆกัน ระหว่างกระดูกแต่ละชิ้นจะมีหมอนรองกระดูกไว้คอยรองรับ เพื่อไม่ให้กระดูกแต่ละชิ้นเสียดสีกันในขณะที่ร่างกายเคลื่อนไหว นอกจากนี้ก็จะมีเส้นเอ็นที่เปรียบเสมือนเป็นเชือกร้อยยึดกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกเหล่านี้ไว้ให้ติดกัน
ภายในแกนกลางของกระดูกสันหลังจะเป็นที่อยู่ของไขสันหลังซึ่งเป็นแหล่งสร้างเม็ดเลือด และนอกจานี้ยังเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทซึ่งเชื่อมต่อระหว่างสมองกับอวัยวะส่วนต่างๆทั่วร่างกาย

อาการปวดหลัง อาจเป็นเรื่องใหญ่
เนื่องจากกระดูกสันหลังมีความสำคัญและยังมีส่วนเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับอวัยวะส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบประสาท ฉะนั้นเมื่อเกิดอาการปวดหลังขึ้น โดยอาจจะทราบหรือไม่ทราบสาเหตุก็ตาม หากอาการปวดนั้นเป็นมากและมีทีท่าว่าจะเรื้อรังหรือมีอาการปวดร่วมกับอาการอย่างอื่นด้วย ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ทั้งนี้เพราะอาการปวดดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติบางอย่างที่อยู่เหนือความคาดหมายก็เป็นได้

ลักษณะของอาการปวดที่จำเป็นต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ได้แก่
1. อาการปวดหลังร่วมกับแขนขาชาไม่มีแรง กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ ซึ่งลักษณะอาการดังกล่าวเป็นไปได้ว่าไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพื่อทำการเอ็กซเรย์ตรวจดูกระดูกสันหลังและหาตำแหน่งที่บาดเจ็บ ผู้ป่วยบางรายเพียงให้นอนพักรักษาตัวก็อาจหายจากอาการดังกล่าวได้ แต่บางรายอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด
2. ปวดหลังบริเวณเอวและมีไข้หนาวสั่น สาเหตุของอาการอาจเกิดจากการติดเชื้ออักเสบของไต เมื่อรักษาไตจนเป็นปกติดีแล้ว อาการปวดดังกล่าวก็จะหายไป
3. ปวดหลังจากยกของหนัก หรือออกกำลังกายมากเกินไป จนรู้สึกว่าหลังขยับไม่ได้ หรือปวดร้าวไปจนถึงขาข้างใดข้างหนึ่ง อาจเกิดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนเคล็ดไปกดทับเส้นประสาท การรักษาจะต้องให้ผู้ป่วยสวมเสื้อดามหลัง และให้เข้ารับการทำกายภาพบำบัด ส่วนในรายที่อาการหนักมากอาจต้องผ่าตัด
4. ปวดหลังเรื้อรังนานเป็นแรมเดือนและปวดมากขึ้นเรื่อยๆหากเป็นในคนอ้วน หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี อาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคไขข้ออักเสบ หรือกระดูกสันหลังสึกกร่อน การรักษาในกรณีนี้แพทย์จะให้ยาแก้ปวดมาทาน ให้รับการทำกายภาพบำบัด สวมเสื้อดามหลัง แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นคนอ้วนมากก็จะต้องให้ลดน้ำหนัก
5. อาการปวดหลังที่เกิดในสตรีมีครรภ์อาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อยึดกระดูกหย่อนยาน การแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของทารก หรือมดลูกที่โตขึ้นกดทับเส้นประสาททำให้ปวดหลังจนร้าวไปถึงขาได้ ซึ่งหากอาการปวดเป็นมากผิดปกติควรรีบปรึกษาขอคำแนะนำจากแพทย์โดยด่วน

Tuesday, January 13, 2009

ข้อ ผิดพลาด 10 ประการที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย

บางข้ออาจส่งผลกระทบเพียงประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย แต่ในบางข้อ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บได้ ข้อผิดพลาดดังกล่าว ได้แก่

1. ไม่ยืดกล้ามเนื้อให้เพียงพอ
ยืดกล้ามเนื้อทันทีหลังการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การยืดกล้ามเนื้อขณะที่กล้ามเนื้อยังอบอุ่นและยืดหยุ่น จะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ

2. ใช้น้ำหนักมากเกินไปขณะยกน้ำหนัก
อย่า พยายามยกน้ำหนักมากเกินกว่าขีดความสามารถของกล้ามเนื้อ การยกน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีประโยชน์และปลอดภัยมากกว่ากับการเสริม สร้างกล้ามเนื้อ

3. ไม่อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย
กล้ามเนื้อต้องมีการปรับตัวก่อนออกกำลังกาย จึงควรเริ่มออกกำลังกายช้า ๆ แล้วเพิ่มความหนักเมื่อร่างกายปรับตัวแล้ว

4. ไม่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
หลังการออกกำลังกายทุกชนิด ใช้เวลา 2 – 3 นาทีในการลดอัตราการเต้นของหัวใจและยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมความยืดหยุ่น และเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการออกกำลัง กายอื่น ๆ

5. ออกกำลังกายหนักเกินไป
การออกกำลังกายในระดับปานกลาง โดยใช้เวลาออกกำลังกายนาน มีประสิทธิภาพมากกว่าการออกกำลังกายอย่างหนัก โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 – 3 นาที

6. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
อย่า รอจนกระหายน้ำจึงดื่มน้ำ เพราะหมายความว่าขณะนั้นร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ พกกระติกน้ำติดตัวตลอดเวลาที่ออกกำลังกายและตลอดวัน

7. ทิ้งน้ำหนักบนเครื่อง Stairstepper มากเกินไป
การทิ้งน้ำหนักลงบนเครื่อง Stairstepper อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อมือและหลัง ลดความหนักของเครื่องจนถึงระดับที่คุณสามารถรักษาท่าทางได้ดี และสามารถวางมือบนที่พักมือได้โดยไม่ทิ้งน้ำหนัก

8. ออกกำลังกายเบาเกินไป
ควรออกกำลังกายในระดับที่หนักพอให้เหงื่อออก และอัตราการเต้นของหัวใจ อยู่ในอัตราที่เหมาะสมกับเป้าหมายของการออกกำลังกาย

9. ใช้แรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก
ใน ขณะที่คุณออกแรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ จะกระตุกไปด้วย และอาจทำให้กล้ามเนื้อตึง หรือบาดเจ็บได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหลังเป็นส่วนที่เปราะบางมาก ควบคุมน้ำหนักที่ยก อย่าให้น้ำหนักควบคุมคุณ!

10. ทาน Energy bar หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เมื่อออกกำลังกายในระดับปานกลาง
หาก คุณไม่ได้ออกกำลังกายนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทานอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มพลังงานสูง (พลังงานสูงเป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของแคลอรี่สูง)